หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เวลาจะช่วยอะไร


เวลาจะช่วยอะไรใครได้แค่ไหนไม่รู้ละ แต่ถ้าเราอ่านเวลาไม่ออก เราช่วยตัวเองไม่ได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น นัดเวลากับหมอ หรือนัดสัมภาษณ์งาน ตลอดจนถามเวลาเพื่อการเดินทาง เป็นต้น ดังนั้น ครั้งนี้เรามาดูกันว่าในภาษาอังกฤษเขาอ่านเวลาอย่างไร

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า บนหน้าปัทม์นาฬิกามี 12 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงเวลามี 24 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น เขาเลยใช้ a.m. กับ p.m. มาช่วยบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาไหนของวันและเพื่อความสะดวกง่ายดายไม่ผิดพลาดแน่ ๆ

ขอให้เรียก 12:00 น. เป็นคำพูดซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไปว่า (at) noon คือ เที่ยงวัน และ(at) midnight คือ เที่ยงคืน
a.m. คือเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนไปจนถึงก่อนเที่ยงวัน (เช้า-สาย)
p.m. คือเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงวันไปจนถึงก่อนเที่ยงคืน (บ่าย-ดึก)

รู้เท่านี้แล้วก็อ่านตัวเลขตามที่เห็นเลยค่ะ มาลองดูเลย
1:00 a.m. one o’clock a.m. หรือตีหนึ่ง
2:30 a.m. two-thirty a.m. หรือตีสองครึ่ง อ่านตามตัวเลขเลยนะคะ
3:46 a.m. three–forty–six a.m. หรือตีสามกับสี่สิบหกนาที
10:02 a.m. ten-o-two a.m. หรือสิบนาฬิกากับสองนาทีตอนสาย ๆ ไงคะ
11:59 a.m. eleven-fifty-nine a.m. อีก 1 นาทีจะเที่ยงวันนะคะ และต่อไป
at noon เที่ยงวันค่ะ
1:00 p.m. one o’clock p.m. ตอนนี้บ่ายโมงค่ะ ภาษาอังกฤษก็เรียก one o’clock เหมือนตอนตี 1 แต่ p.m. และ a.m. เป็นตัวช่วยบอกว่าเป็นช่วงเวลาไหนของวันไงคะ ของไทยเราก็เป็น 13.00 น. แต่ในภาษาอังกฤษไม่มีนะคะ

นี่แหล่ะค่ะวิธีอ่านเวลาอย่างง่าย แบบนี้เป็นการอ่านแบบอเมริกันค่ะ ถ้าอ่านแบบอังกฤษจะมีรายละเอียดปลีกย่อยซับซ้อนกว่านี้ค่ะ เอาไว้คุยต่อฉบับหน้านะคะ อ่านแบบนี้หลายคนที่จะไปต่างประเทศคงหวั่นใจว่าจะอ่านเวลาเครื่องบินได้ถูกไหม สบายใจได้ค่ะ เดี๋ยวนี้การเดินทางโดยสายการบินเปลี่ยนเวลามาเรียกเป็น 24 ชั่วโมง แบบไทยแล้วค่ะ ดูตามตั๋วแล้วอ่านตามตัวเลขที่เห็นได้เลย ส่วนเวลาบนเครื่องบินเขาประกาศตามที่บอกตอนต้นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: